ลักษณะของวาบิ-ซาบิ wabi sabi ของผ้าเดนิมดิบ

ในปัจจุบันเมื่อพูดถึงผ้ายีนส์แบบดั้งเดิมที่มีคุณภาพสูงและสะท้อนภูมิปัญญาในอดีตอย่างแท้จริง ยีนส์ญี่ปุ่นนั้นมักเป็นสิ่งที่หลายคนนึกถึงเป็นอันดับแรก หากคุณมีไอเทมเหล่านี้ในมือครั้งแรกในชีวิต คุณจะรู้สึกถึงคุณภาพพิเศษที่มีลักษณะ “ทำด้วยมือ handmade” มีการถ่ายทอดดีเทลอย่างละเอียดและพื้นผิวของผ้ายีนส์ที่ไม่สม่ำเสมอ หมายถึงยีนส์ทุกตัวมีเอกลักษณ์เฉพาะ เช่น ขายีนส์ทั้งสองข้างอาจไม่ได้มีความสมมาตรเพอร์เฟค บ่อยครั้งผู้ผลิตจะพยายามเน้นที่คุณลักษณะ “วาบิ-ซาบิ” ของงานญี่ปุ่น ที่ความงามสูงสุดโดยไม่ได้อยู่ในความสมบูรณ์แบบของรูปร่าง แต่ดึงความโดดเด่นจากธรรมชาติของ “ความไม่สมบูรณ์แบบ” อย่างไรก็ตามมันคือ “ส่วนผสมที่ลงตัว” ที่ให้ความรู้สึกถึงความสมบูรณ์ของภาพรวมที่ยีนส์คลาสสิกทำหน้าที่เสมือนแคนวาส และบางองค์ประกอบที่มนุษย์เข้าใจว่าเป็นข้อบกพร่องกลับให้ความรู้สึกว่า ยีนส์เหล่านี้ถูกทำโดยคนเป็นตัว ไม่ใช่เครื่องจักรที่ไม่มีวิญญาณ ในวันนี้เราจะพยายามสำรวจบางองค์ประกอบเหล่านี้กัน และบางวิธีการผลิตของผู้ผลิตเกี่ยวกับการผลิตยีนส์เหล่านี้ก็จะทำให้คุณมองได้เห็นภาพชัดเจนขึ้น

  • ขายีนส์บิดเบี้ยว (Leg Twist)

บ่อยครั้งที่คนซื้อยีนส์คุณภาพพรีเมียมบางครั้งใช้เงินจำนวนมาก ต้องนำมาทำให้ยีนส์หดลงพอดีตัวก่อนแล้วค่อยใส่ เเล้วคุณจะเห็นอะไรบ้างหลังจากนั้น? ขายีนส์ข้างหนึ่ง (มักจะเป็นขาซ้ายเมื่อตัวผ้าเดนิมเป็นการทอทวิลทแยงขวา) กลับออกมาเป็นทรงตะเข็บข้างยาบิดคร่อมมากกว่าเดิม หากเป็นเช่นนี้ก็ไม่ต้องกังวลใจ เพราะสิ่งนี้ไม่ใช่ข้อบกพร่องหรือความผิดพลาด นี่เป็นธรรมชาติของเนื้อผ้าเดนิมดิบญี่ปุ่น และบางครั้งผู้ผลิตก็ตั้งใจให้เป็นเช่นนั้น ประเด็นก็คือเส้นใยฝ้ายจะหดตัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อแช่และทำให้แห้ง ดังนั้นด้ายจะบิดตัวในทิศทางของลายทแยง ในบางกรณี ผู้ผลิตพยายามที่จะเน้นย้ำคุณลักษณะนี้ให้มากยิ่งขึ้นโดยการตัดขาในตอนแรกในลักษณะที่ทำให้การบิดขาเด่นชัดยิ่งขึ้น การบิดขาไม่ส่งผลต่อคุณภาพของยีนส์หรือความสะดวกในการใช้งาน 

หากคุณเป็นคนที่ไม่ชอบยีนส์ขาบิด ก็เพียงแค่พยายามเลือกยีนส์ที่มีการหดตัวลงให้น้อยที่สุด การบิดของขายีนส์อาจจะเกิดขึ้นมากหรือน้อย หรืออาจจะไม่เกิดเลย เราเเนะนำว่ากรณีเป็นยีนส์ที่เคลือบซานโฟไรซ์ (การทำให้ผ้าหดตัว) หากคุณไม่ซักล้างยีนส์ที่อุณหภูมิสูงมากพอ ก็จะมีโอกาสที่ขายีนส์จะบิดน้อยลงหรืออาจจะไม่บิดเลยก็ได้

  • ความยาวของขายีนส์ไม่เท่ากัน/ แตกต่างกันเล็กน้อย

ลักษณะความยาวไม่เท่ากันนี้ไม่ได้เกิดจากความบกพร่องในการผลิต ส่วนมากมักเกี่ยวข้องกับการหดของผ้ายีนส์เอง ไม่ว่าจะเป็นการหดของยีนส์ที่คุณทำเองหรือหากคุณซื้อรุ่นของยีนส์ที่มีอัตราการหด (แบบแช่ one wash) ความยาวที่ต่างกันนี้สามารถมองเห็นได้ชัดเจน โดยเฉพาะตอนสวมยีนส์ที่พับขาขึ้น หากคุณสวมยีนส์ที่ขนาดหดลง คุณอาจจะเห็นว่าขอบพับที่ขาหนึ่งอาจจะสั้นลงเล็กน้อย (ประมาณ 5 มม.) ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ เพียงแค่สวมยีนส์ของคุณด้วยความเพลิดเพลิน แล้วคุณจะลืมเรื่องนี้ได้อย่างรวดเร็ว

  • ข้อพับเข่าที่ขยายตัว (Baggy) 

เมื่อเริ่มใส่ยีนส์คลาสสิคของแท้ หลาย ๆ คนจะเริ่มสังเกตเห็นว่าเนื้อผ้าเริ่มจะค่อย ๆ ยืดออก สิ่งนี้สามารถสังเกตได้ชัดเจนเป็นพิเศษในบริเวณหัวเข่า ไม่ใช่ว่ากางเกงยีนส์ที่ทอเดนิมจากผ้าฝ้าย 100% จะยืดเหมือนกันหมด โดยธรรมชาติผ้าฝ้ายจะหดตัวเมื่อแช่และทำให้แห้ง และจะยืดตัวเมื่อสวมใส่ ด้ายที่ทำจากผ้าฝ้ายที่มีเส้นใยสั้นจะยืดได้น้อยกว่า ในขณะที่ด้ายที่ทำจากผ้าฝ้ายที่มีเส้นใยยาวจะยืดได้มากกว่า อย่างไรก็ตาม กางเกงยีนส์คลาสสิกจะยืดในบริเวณที่มีความตึงผิว โดยพื้นฐานแล้วควรจะเป็นแบบนี้ สิ่งเหล่านี้เป็น “การปรับ” รูปทรงไปตามการเคลื่อนไหวของผู้สวมใส่เช่นกัน สีเปลี่ยนไปเนื่องจากการเสียดสี กางเกงยีนส์อาจยืดตรงไหนสักแห่ง และทำให้เกิดรอยยับที่อื่นก็เป็นได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติและเป็นธรรมชาติสำหรับยีนส์ หากต้องการแก้ไขบริเวณเข่าไม่ให้ดูยืดเกินไป แนะนำให้กลับด้านกางเกงยีนส์ด้านในออก ฉีดน้ำเบา ๆ และรีดบริเวณเหล่านี้อย่างระมัดระวัง ซึ่งจะใช้เวลาไม่เกิน 2-3 นาที คุณสามารถทำซ้ำขั้นตอนนี้ได้ตลอดเวลาตามต้องการ

  • รอยพับ/ รอยยับบนกางเกงยีนส์และแจ็คเก็ตยีนส์

เป็นที่น่าสังเกตว่าลักษณะเหล่านี้มักมีอยู่ในกางเกงยีนส์หรือแจ็คเก็ตเดนิมที่ผ่านกระบวนการทำให้ผ้าหดตัวจากโรงงาน (แบบเเช่ one wash) โดยยีนส์จะถูกซักล้างและทำให้แห้งด้วยอุณหภูมิสูงเพื่อหลีกเลี่ยงการหดตัวในครั้งต่อไป หลายคนชอบสินค้าประเภทนี้เพราะกางเกงยีนส์หรือแจ็คเก็ตที่ซื้อมาไม่ต้องซักซ้ำหรือกลัวว่าจะหดตัวอีก

บางครั้งรอยพับหรือรอยยับต่าง ๆ อาจปรากฏบนผ้าเดนิมแบบ one wash เมื่อคุณแกะสินค้าดูครั้งแรกอาจยังไม่คุ้นชินกับผ้าเดนิมประเภทนี้ เพราะ “รอยยับ” เหล่านี้อาจทำให้คุณขัดตาเล็กน้อย วิธีแก้คือ ให้ค่อย ๆ รีดเสื้อผ้าจากด้านในออกด้านนอก (หลีกเลี่ยงการกดทับบนตะเข็บ) หรือเพียงแค่เริ่มสวมใส่ “ตามสภาพที่ได้มา” รอยยับทั้งหมดจะค่อย ๆ คลายตัวออกค่อนข้างเร็ว  บวกกับผ้าเดนิมจะยืดตัวออกบางจุด

  •  เท็กซ์เจอร์สากบนเดนิม

เดนิมที่ทอด้วยเครื่องทอผ้าจะมีความไม่สม่ำเสมอในระดับหนึ่ง แม้ว่าจะไม่ใช่ลักษณะปกติของ “เดนิมผ้าสาก” ก็ตาม ด้ายที่ปั่นบนเครื่องปั่นแบบวงแหวนอาจมีความหนาแตกต่างกันไปตลอดแนวความยาว ผู้ผลิตมักตั้งใจใช้ผ้าฝ้ายที่มีเส้นใยสั้นพิเศษที่ไม่มีการหวีสาง ซึ่งทำให้ผ้าเดนิมมีความหยาบสากเช่นกัน หากคุณพลิกดูด้านหน้าของผ้าเดนิม คุณอาจพบรอยเย็บขาด รอยขาด หรือลักษณะอื่น ๆ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ข้อบกพร่องจากการผลิต แต่เป็นคุณลักษณะเฉพาะของการผลิตเดนิมแบบโบราณเช่นนี้

ดังนั้นเราจึงเห็นว่ากางเกงยีนส์ญี่ปุ่นคลาสสิกเป็นสินค้าทำมืออย่างแท้จริง คุณสมบัติบางอย่างของกางเกงยีนส์ดังกล่าว หากใครที่ไม่มีความรู้อาจพิจารณาผิดพลาดได้ว่าสินค้ามีตำหนิ แท้จริงแล้วไม่ใช่ข้อบกพร่องใด ๆ แต่เป็นลักษณะเฉพาะที่เกิดจากกระบวนการผลิตหรือเทคนิคการทอพิเศษ และบางครั้งผู้ผลิตก็จงใจเน้นรายละเอียดดังกล่าวให้เกิดขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อให้กางเกงยีนส์ของพวกเขามีลุค “แฮนด์เมด” และ “วินเทจ” เสน่ห์ของเดนิมญี่ปุ่นของแท้นั้นส่วนใหญ่ประกอบด้วยรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ มากมาย ซึ่งบางส่วนอาจไม่ปรากฏให้ผู้สวมใส่กางเกงยีนส์เห็นชัดเจนเสมอไป ท้ายที่สุดแล้ว พวกเราหลายคนชอบผ้าเดนิมที่ไม่เรียบเนี้ยบ เน้นความทนทาน และผิวผ้าสาก ๆ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับไอเทมที่ทำด้วยมือ รายละเอียดอื่น ๆ ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการบิดของขายีนส์ การตั้งใจเย็บให้ขาไม่เท่ากันเป๊ะ ฯลฯ ซึ่งเป็นข้อบ่งชี้ว่าสินค้าชิ้นนั้นถูกสร้างขึ้นให้เป็นอัตลักษณ์เฉพาะของผู้ใส่เอง


Comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *